อยากเสริมหน้าผาก...คุณต้องอ่าน!!
“หน้าผาก” นั้นเป็นส่วนที่ทำให้ใบหน้ามีความงดงาม สมบูรณ์ มีความสมดุลและการมีหน้าผากที่โค้งมนรับกับรูปหน้า จะส่งให้ใบหน้าแลดูมีสง่าราศียิ่งขึ้น ในเเต่ละคนก็จะมีรูปทรงของหน้าผากที่เเตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับ เพศ กรรมพันธุ์ หรือเชื้อชาติ และปัจจัยอื่นฯ เเต่สำหรับผู้ที่ประสบปัญหาหน้าผากแบน ด้านซ้ายและขวาไม่เท่ากัน นู้นที่โหนกคิ้วทำให้หน้าผากเห็นเป็นร่อง หรือไม่มีความสมดุลของสัดส่วน ทำให้เกิดความกังวล ขาดความมั่นใจเเละส่งผลกระทบในหลายๆด้านของการใช้ชีวิตประจำวันได้ เช่น เป็นคนไม่กล้าที่จะรวบผมตึง ต้องไว้หน้าม้าตลอดเวลา อาจจะโดนเพื่อนล้อว่าไว้ผมได้ทรงเดียว หรือ บางคนที่ขาดความมั่นใจมากๆ ไม่กล้าที่จะพูดคุยกับคนอื่น ขาดการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น อาจจะทำให้พลาดโอกาสในชีวิตได้ ไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้ามเลยใช่ไหม?
“เสริมหน้าผาก” ที่มีวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันนั้นก็คือวิธี “การศัลยกรรมเสริมด้วยซิลิโคน” โดยการใช้ซิลิโคนเเผ่นที่ถูกหล่อขึ้นมาโดยการใช้เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าเเละได้รับความนิยมอย่าง CT SCAN ในการเอ็กซเรย์เราจะสามารถได้เห็นภาพที่ถูกต้องแม่นยำตรงตามความต้องการของหน้าผากเเต่ละบุคคล (3D Customized Silicone Implant) หรือจะใช้ซิลิโคนแบบสำเร็จรูป (Preformed Silicone) โดยลักษณะซิลิโคนถูกออกแบบมาสำเร็จรูปแล้วพร้อมที่จะใส่ได้ทันที ซึ่งมีหลายขนาดให้แพทย์ได้เลือกใช้ โดยที่จะมีความกว้างและยาวแตกต่างกันไป ผลลัพธ์จากการที่เราเสริมซิลิโคนนั้น หน้าผากจะดูโค้งมนเป็นธรรมชาติ มีความโหนกนูน เพิ่มมิติให้กับรูปหน้า ใบหน้าจะมีความอ่อนเยาว์ขึ้น โดยที่ซิลิโคนจะไม่มีการเปลี่ยนรูปเเละอยู่ได้ตลอดชีวิตถ้าเราไม่เปลี่ยนอันใหม่ซะก่อน
“เสริมหน้าผาก” เมื่อก่อนนี้ยังไม่ได้มีการเสริมแบบแผ่นซิลิโคน จุดประสงค์ของการเสริมหน้าผากนั้นเพื่อให้โหนกนูน ฟิลเลอร์เข้ามาตอบโจทย์ปัญหานี้ แต่ด้วยราคาของฟิลเลอร์แท้ที่มีราคาแพง และยังอยู่ไม่ได้คงทนถาวรในร่างกาย จึงทำให้วิวัฒนาการทางการแพทย์เกิด แผ่นซิลิโคนขึ้นมาตอบโจทย์ให้ผู้ที่อยากเสริมหน้าผาก ด้วยราคาที่ถูกกว่าและอยู่ได้ในร่างกายถาวร นี่จึงเป็นเหตุผลที่คนหันมาเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคนกันเยอะขึ้น
ซิลิโคนแผ่นที่ใช้ในปัจจุบันมีการพัฒนาไปมากมีความนิ่มและยืดหยุ่นได้ดีมาก ทำให้ใส่ผ่านแผลเล็กได้ไม่จำเป็นต้องเปิดแผลใหญ่เหมือนแต่ก่อนแล้ว จึงทำให้ผิวหนังเขียวช้ำน้อยลงมาก และมองเห็นแผลน้อยเช่นกัน มีขอบที่บางทำให้เห็นแทบจะไม่มีรอยต่อเลย การใช้ซิลิโคนแผ่นรุ่นใหม่จึงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
การเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคน มี 2 แบบ
1. การเสริมหน้าผากโดยซิลิโคนแบบสำเร็จรูป (Preform Silicone)
ตัวซิลิโคนจะได้รับการหล่อขึ้นรูปไว้เเล้วตามมาตรฐานทางการแพทย์ โดยลักษณะของซิลิโคนถูกผลิตขึ้นเเบบสำเร็จรูป โดยคิดตามค่าเฉลี่ยจากบุคคลส่วนมาก ซึ่งมีหลายขนาดจะมีความกว้าง-ความยาวที่แตกต่างกันไป ก่อนที่จะทำการเสริมซิลิโคนนั้นเเพทย์จะทำการวิเคราะห์ซิลิโคนที่ใกล้เคียงกับฐานของหน้าผากเราโดยยึดหลักความพึ่งพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ เพราะมันจะอยู่กับเขาตลอดชีวิต เเละจากนั้นแพทย์จะใช้เทคนิคทำการตกเเต่งซิลิโคนเพื่อให้เหมาะสมกับโครงสร้างหน้าผากของเเต่ละบุคคล ซึ่งซิลิโคนแบบสำเร็จรูปจะมี 3 ขนาด ดังนี้
Size S | ความหนา 4.5 มิลลิเมตร |
Size M | ความหนา 6.0 มิลลิเมตร |
Size L | ความหนา 7.0 มิลลิเมตร |
2. เสริมหน้าผากด้วยซิลิโคนเฉพาะบุคคล (3D Customized Silicone Implant)
ตัวซิลิโคนจะได้รับการออกแบบเพื่อให้เข้ากับสรีระหน้าผากของเเต่ละบุคคล ด้วยการใช้เทคโนโลยี CT SCAN เข้ามาช่วย ที่มีความสามารถในการวิเคราะห์และตรวจสอบได้อย่างถูกต้องเเละเเม่นยำ โดยซิลิโคนจะถูกออกเเบบมาจากโครงสร้างหน้าผากโดยตรงของบุคคลนั้น อีกทั้งยังสามารถกำหนดความโค้งนูนของซิลิโคนให้ได้ตามสัดส่วนที่เหมาะสมกับใบหน้าของแต่ละบุคคล
ข้อดีของการใช้แผ่นซิลิโคนพิเศษที่ออกแบบมาเฉพาะบุคคล
- เป็นแผ่นซิลิโคนที่มีความแม่นยำในการแก้ไขปัญหาหน้าผากของแต่ละบุคคล และเหมาะสมที่สุดเนื่องจากเป็นการหล่อแผ่นซิลิโคนออกมาจากโครงสร้างหน้าผากของตัวเราเอง เป็นการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด เติมส่วนที่ขาดลงไป
- ไม่มีข้อจำกัดในการเลือกซิลิโคน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ขนาด หรือรูปแบบ แผ่นซิลิโคนที่นำมาใช้จะสามารถรับกับใบหน้าของแต่ละบุคคลได้ทุกรูปแบบ
- สามารถช่วยลดริ้วรอยบริเวณหน้าผากได้บางส่วน แต่ต้องเป็นริ้วรอยที่ไม่ลึกมาก
- เนื่องจากการศัลยกรรมเสริมหน้าผากนั้นเป็นการใส่แผ่นซิลิโคนที่ได้มาตรฐานเข้าไป ผลลัพธ์ที่ได้จึงสามารถอยู่ได้ตลอดชีวิต
- การทำศัลยกรรมเสริมหน้าผาก โดยการใช้แผ่นซิลิโคนเฉพาะตัวบุคคลนั้น ส่งผลให้องค์ประกอบโครงสร้างใบหน้าโดยรวมดูมีมิติขึ้น ทำให้หน้าดูเล็กลงและยังแลดูเด็กขึ้นอีกด้วย ผลพลอยได้ทั้งนั้น
พอเรารู้จักซิลิโคนกันไปแล้ว ขั้นต่อมาเราจะขอแนะนำการปฏิบัติตัวการที่จะเสริมหน้าผาก เพราะจะมีข้อห้ามบางที่ผู้เสริมหน้าผากไม่ควรปฏิบัติ
ข้อแนะนำก่อนการเสริมหน้าผาก
1. งดทานยาต้านการอักเสบ เช่น แอสไพริน / สูบบุหรี่/ งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ / อาหารเสริมบางตัวที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น กระเทียม น้ำมันปลา อย่างน้อย 2 อาทิตย์ ก่อนการผ่าตัดเสริมหน้าผาก
2. สำหรับคนที่ทานสมุนไพรบางชนิด เช่น น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส ยาวิตามินอีปริมาณสูงๆ อาหารที่มีส่วนผสมของผงชูรส กระเทียม หัวหมอ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง อาจทำให้เลือดออกมากผิดปกติ หรือมีปัญหาระหว่างผ่าตัดได้ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อน เพราะอาจต้องหยุดรับประทานสมุนไพรก่อนเข้ารับการผ่าตัดประมาณ 7-10 วัน
3. แนะนำให้สระผมมาก่อนเข้ารับการผ่าตัดเสริมหน้าเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
4. คนที่มีโรคความดันสูงต้องควบคุมความดันให้เป็นปกติก่อนที่จะเสริมหน้าผากสัก 2 อาทิตย์
5. เตรียมตัวลาพักงานประมาณ 1 อาทิตย์
6. ควรพาเพื่อนหรือญาติมาด้วยในวันเสริมหน้าผาก เพราะหลังจากทำแล้วอาจจะมีอาการเวียนหัวได้เนื่องจากการเสียเลือด
7. ถ้ามีโรคประจำตัว ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที ก่อนการผ่าตัด มิฉะนั้นอาจเกิดอันตรายได้
8. คนที่เป็นโรคหัวใจ ที่ต้องกินยาต้านเกล็ดเลือด เช่น แอสไพริน ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อนผ่าตัดเสริมหน้าผาก
9. คนที่กินยา Cumadin เพื่อป้องกันภาวะการแข็งตัวของเส้นเลือดดำที่ขาหรือในผู้ที่เป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวและหยุดยาก่อนมารับการผ่าตัดเสริมหน้าผาก
ต่อไปเราจะไปดูกันว่า ขันตอนการเสริมหน้าผากมีอะไรกันบ้าง ตั้งแต่ขั้นตอนที่แรกไปจนถึงขั้นตอนสุดท้าย
ขั้นตอนการเสริมหน้าผาก
ในการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมหน้าผากจะใช้เวลาประมาณ 45 นาที - 1 ชั่วโมง ซึ่งขึ้นอยู่กับกรณีของแต่ละบุคคลด้วย ขั้นตอนของการผ่าตัดเสริมหน้าผากมีดังนี้
1. ขั้นตอนแรกทำการวัดและวาดแนวกรีด และทำการมัดผม
2. ต่อจากนั้นทำความสะอาดใบหน้าและหนังศีรษะด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
3. จากนั้นแพทย์จะวางซิลิโคนที่หน้าผาก และทำการวาดตามแผ่นซิลิโคน เพื่อเป็นกำหนดตำแหน่งของซิลิโคน
4. คุณหมอจะฉีดยาชาที่บริเวณจะทำการผ่าตัดเสริมหน้าผาก
5. เปิดแผลที่ศีรษะห่างจากไรผมมา 1 ซม. กรีดเป็นแนวซิกแซก เปิดแผลจะยาวประมาณ 3-4 ซม.
6. เปิดเลาะหนังศีรษะจนถึงโหนกคิ้วจัดวางซิลิโคนให้พอดีกับ ใส่ซิลิโคนที่ใช้เสริมเข้าไป แล้วปรับให้แผ่นได้พอดี ไม่มีส่วนไหนย่นหรือห่อตัว จากนั้นก็เย็บปิด ไม่มีการโกนผม
7. หลังผ่าตัด ให้ทำการล้างผมให้สะอาด ให้ใช้น้ำเปล่าล้างไม่ใช้แชมพู
8. ดื่มน้ำเยอะๆ กินยาแก้ปวดทุก 4 ช.ม. เป็นเวลา 2 วันติดต่อกันหลังจากการผ่าตัด
9. สามารถไปทำงานได้หลังผ่าตัด 3-7 วัน อาจมีอาการบวมช้ำที่บริเวณผ่าตัดเสริมหน้าผาก โดยทั่วไปควรประคบน้ำอุ่น ใน วันที่ 3-7 จะช่วยลดอาการเขียวช้ำได้
เราอยากจะบอกว่าอาจจะมีผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ มีอะไรกันบ้าง แต่อย่าพึ่งตกใจไป กับบ้างคนอาจจะไม่เกิดก็ได้
หลังการเสริมหน้าผากอาจจะมีอาการข้างเคียงที่อาจจะพบได้
- อาการบวมช้ำจากการผ่าตัดเสริมหน้าผาก ซึ่งจะดีขึ้นและจะสามารถหายเป็นปกติได้เอง
- อาจเกิดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า
- อาจจะอาเจียน หลังจากเสริมหน้าผากไม่ต้องตกใจไป มันเป็นปกติ ให้พักผ่อนเยอะๆ หรือบางคนอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้
สุดท้ายเรามาดูวิธีการดูแลตัวเองหลังการเสริมหน้าผาก เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่จะส่งผลให้หน้าผากของเราออกมาดูดี อย่างที่เราคาดหวังไว้
ข้อแนะนำหลังการเสริมหน้าผาก
1. ให้ประคบเย็นบริเวณหน้าผากประมาณ 2 วันแรก แต่หลังจากนั้นให้ทำการประคบอุ่น วิธีนี้จะช่วยให้อาการปวดบวมลดลงได้
2. ดื่มน้ำเยอะๆ กินยาแก้ปวดทุก 4 ช.ม. เป็นเวลา 2 วันติดต่อกันหลังจากการผ่าตัด
3. ล้างหน้า สระผมได้ตามปกติ (1 เดือนหลังทำผ่าตัดสามารถทำสีผมได้) กรณีแผลเปียกน้ำให้เช็ดให้แห้งแล้วเช็ดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทันที
4. ให้นอนราบไม่ต้องหนุนหมอน เพื่อลดอาการบวมที่ใบหน้าและรอบดวงตา
5. การตัดไหมสามารถทำได้หลังจากการผ่าตัดเสริมหน้าผากประมาณ 2 สัปดาห์
6. งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดเป็นระยะเวลาประมาณ 1 เดือน
7. รับประทานยาตามแพทย์สั่งจนหมด ถ้าเกิดอาการแพ้ยา เช่น มีอาการผื่นแดง คัน คลื่นไส้ อาเจียน แน่นหน้าอก ให้มาพบแพทย์ทันที
8. ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายในรูปแบบหนักๆเป็นเวลาประมาณ 2-3 เดือน เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือนหน้าผาก เพราะไม่เช่นนั้น อาจจะทำให้ซิลิโคนผิดรูปทรงได้
9. เข้าไปพบแพทย์ตามใบนัด หากพบอาการผิดปกติใดๆควรแจ้งแพทย์ให้ทราบทันที
สรุปส่งท้ายบทความ
การเสริมหน้าผากเป็นการเสริมโหงวเฮ้งที่ดีให้กับใบหน้าของเรา และเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง ถ้าตัวเราเองมีความมั่นใจขึ้นมีความเชื่อมั่นในตัวเอง สิ่งดีก็จะเข้ามาหาเรา รู้อย่างนี้แล้วถ้าคุณคิดจะเสริมหน้าผาก อย่าให้คำว่า เดี่ยวก่อน / ฉันยังไม่มีเวลา / ฉันกลัว / ยังไม่กล้า มาเป็นอุปสรรคขัดขวางเราอีกต่อไป
การเสริมหน้าผาก ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คุณคิด แต่ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์และสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานมีใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข
"Bangkok Clinic เรายึดมั่น ประสบการณ์ของทีมแพทย์ คุณภาพของสินค้า
และการให้บริการที่เป็นเลิศ แพทย์ทุกคนใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆของคนไข้ทุกราย ที่เข้ามาปรึกษา"